[เพ้อเจ้อ]
เมื่อเดือนก่อนมีมิตรสหายท่านหนึ่งขอให้ช่วยอัดคลิปเรื่องความทรงจำในโตเกียว/ญี่ปุ่น ก็รอให้หมดฤดูกาลวุ่นวายเปเปอร์ก่อน เลยได้ฤกษ์อัด ทีนี้เดือนมิถุนายนเป็นหน้าฝนของญี่ปุ่น ฝนก็ตกวันเว้นวัน จะอัดคลิปก็ยาก มีวันก่อน อากาศดี เลยติดต่อผ่านไลน์ให้คลาสเมทมาช่วยถือกล้องถ่ายคลิปตอนเรายืนพูดหน้าสถานที่อันเป็นความทรงจำนั้น แต่ทว่าติดต่อไปหลายคนมาก ก็บอกว่าไม่ว่าง ไ่ม่สามารถมาได้ เราก็เข้าใจแหละ เพราะติดต่อกระชั้นชิดมาก ใครเขาจะว่างให้แก
เลยตัดสินใจไปคณะ ไปเสี่ยงดวงเอา ก็ไปเปิดดูทุกห้อง study room ไม่เจอคนรู้จักที่คิดว่าจะขอให้เขาเดิน (ทาง) ไปกับเรา เพื่อถ่ายคลิปได้เลย ก็นั่งหงอยๆ ตรง common room ถอนหายใจไปสิบแปดเฮือก แล้วนานามิจังก็เดินเข้ามา!!!
ติ๊กต่อกก็ทำหน้าดีใจมาก จำได้ว่านานามิจังพักอยู่แถวๆ สถานที่ที่เราอยากจะถ่ายคลิป แต่ประเด็นคือนางเพิ่งมาถึงคณะเลย จะให้นางออกไปตอนนี้นี่นะ แต่ก็ลองเสี่ยงถามดู ปรากฏว่านางตอบตกลง … อึ้งมาก เด็กฟิลิปปินส์ที่อยู่ในห้องคอมมอนรูมก็ยังบอกเลยว่า nice try (โอกาสเป็นของคนที่กล้าเอ่ยปากถามครับ)
ก็เลยนั่งรถไฟและเดินต่อไปที่สถานที่นั้น ระหว่างทางก็เลยได้คุยกับนานามิจังหลายเรื่อง คือปกติก็คุยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดลึก ทีนี้ก็ถามนั่นถามนี่ไปหลายอย่าง จนถ่ายคลิปเสร็จ ก็ชวนกินข้าวเย็น เพราะรู้สึกว่ารบกวนนางเยอะมาก นางเสียเวลาอ่านหนังสือมาถ่ายคลิปให้เรา พอกินข้าวเสร็จ นางก็ชวนว่าไปกินกาแฟที่ห้องนางไหม นางได้กาแฟมาใหม่ บลาๆ ก็ได้ไปเยือนห้องนาง
นางมาจากภูมิภาคคันไซ เมืองนารา นางมีฝาแฝด เป็นแฝดพี่(สาว) ที่เก่งกว่านางหลายอย่าง นางบอกว่ารู้สึกว่าพี่สาวทำอะไรก็คล่องแคล่วไปเสียหมด แต่นางจะออกแนว introvert ก็คุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ว่าได้เรียนรู้อะไรจากคณะบ้าง จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง สิ่งที่ตั้งใจไว้หลังเรียนจบ สิ่งที่อยากเป็น อยากรู้สึก อยากค้นพบในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดใบนี้
นานามิจังเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ เอง นางเป็นคนที่พอรู้เรื่อง LGBT ก็จะตื่นเต้นมาก อยากรู้ว่าเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เป็น LGBT เป็นยังไง นางไม่ได้แอนตี้ แต่แค่ไม่เคยรู้มาก่อน ก็พร้อมเรียนรู้ นางใช้เวลาว่างหัดเรียนภาษาฝรั่งเศส นางอยากเข้ากระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่น นางชอบเขียนบทกลอน มีบางคลาสที่นางทำได้ไม่ดี แต่บางคลาสนางก็พรีเซนต์ได้ยอดเยี่ยมนะ เด็กไลบีเรียที่ชื่อเอสเตอร์ยังเคยชมนางเลย (ปกติเอสเตอร์ไม่ค่อยชมใครฮ่ะ)
รู้สึกว่าเด็ก generation ใหม่ๆ ยี่สิบต้นๆ เป็นคนอีกยุคหนึ่งที่ให้แรงบันดาลใจได้ดีมาก พวกเขายังเต็มไปด้วยพลัง ความฝันถึงโลกที่ดีกว่า พวกเขาอยากแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่หลายๆ แห่งในโลก ในเอเชียตะวันออกระหว่างเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น …หรือแม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่ในไทย พวกเขาเติบโตมากับยุคสมัยและค่านิยมที่แตกต่างกันกับรุ่นสามสิบซัมติงอย่างพวกเรามาก ถึงคนจะชอบพูดว่า “เด็กสมัยนี้นะ…” แต่เราว่า เด็กรุ่นที่เด็กกว่าเราแค่สิบกว่าปีนี่ จริงๆ แล้วพวกเขาคือ “ความเปลี่ยนแปลง” หรือ change ตัวจริงมากกว่ารุ่นเราเสียอีก
คุยกับเพื่อนวัยสามสิบซัมติงกันวันก่อน เรารู้สึกว่า รุ่นเราคือ hopeless generation ไม่รู้เป็นคำที่แรงไปไหม แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เราคือรุ่นกึ่งกลางของความเปลี่ยนแปลง ในวัยเท่านี้ หลาย “เรา” ล้วนเสถียร จบการศึกษาในสถาบันที่ได้ชื่อว่าดี มีทรัพยาการบางอย่างที่ต้องหวงแหน มีเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องปกป้อง จนเราไม่กล้าขยับตัวกันมาก เราบ่นในไลน์กรุ๊ป ไลน์แชท แล้วเราก็หวังว่าจะมีคนอื่นๆ มาช่วยเราเปลี่ยนแปลง
เราหวัง เราฝัน “สักวันน้ำคงไม่ท่วมกรุงเทพฯ แล้ว” …คงมีใครสักคนกลายมาเป็นฮีโร่ แต่ฮีโร่ไม่ได้อยู่ในหมู่พวกเรา
เรื่องมันเริ่มต้นด้วยเพื่อนให้ช่วยอัดคลิปเกี่ยวกับความทรงจำในโตเกียว/ญี่ปุ่น แต่มันลงท้ายด้วยการที่เราได้ใช้เวลาไปกับหญิงสาววัยต้นยี่สิบ พลังของคนรุ่นใหม่อีก generation ที่ต่างจากเรา … ขอบคุณมิตรสหายที่จุดประกายเรื่องอัดคลิป ถ้าไม่มีเรื่องอัดคลิปมา เราคงไม่มีโอกาสได้คุยยาวๆ กับนานามิจัง ได้ไปนั่งกินกาแฟในห้องเธอ ได้รับรู้ความฝันและความหวังของคนที่อาจแตกต่างจาก generation ของเรา
ปล. เพื่อนกลุ่มสามสิบต้นๆ อย่าโกรธเรานะ แต่เราคิดว่า เราเป็น lazy generation กันจริงๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก ><