1)
“Everybody feels a little crazy, but we go on living with it.” – “Another Story” song by “The Head and The Heart”
ฉันเจอข้อความนี้ในเฟสบุ๊คของพี่คุ่น ปราบดา หยุ่น เมื่อหลายวันก่อน … แปลกดีที่พอเห็นประโยคนี้ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
เธอเป็นพี่สาวของเพื่อนสนิทฉันเอง…และเป็นคนที่ฉันสามารถเรียกได้ว่า ฉันแทบไม่รู้จักเธอเลย
เอาจริงๆ แล้ว ฉันก็แทบไม่รู้จักกับอีกหลายสิ่งหลายอย่างบนโลก
เราไม่มีวันรู้ว่าผู้คนที่เราเดินผ่านในแต่ละวันตอนเดินเข้าเซเว่นอิเลฟเว่น คนที่ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกัน คนที่บังเอิญโดยสารรถไฟขบวนเดียวกันจากสถานีนิปโปริไปสถานีชินจูกุ หรือคนที่สอนเราในชั่วโมงภาษาอังกฤษการเขียนขั้นสูง เขาและเธอเคยเดินผ่านชีวิตแบบไหนมา
และเขาและเธอแบกอะไรไว้บ้าง…ในสิ่งที่เรียกว่าชีวิต
พี่สาวของเพื่อนสนิทของฉัน ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปบนโลกใบนี้ เธอเข้าเรียนตามการศึกษาในระบบ พอจบชั้นมัธยมก็ต่อมหาวิทยาลัย เธอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เธอมีความรัก เธอแต่งงาน และเธอมีลูก
จากนั้นสามีเธอก็เสียชีวิตกะทันหันในปีต่อมา
…
ในช่วงวัยที่ตัวเลขบ่งบอกอายุขัยยังขึ้นต้นด้วยเลข 2 การต้องเป็นคุณแม่พร้อมๆ กับเป็นม่ายสามีตาย คงไม่ใช่สิ่งที่คนเราจะรับมือมันได้ง่ายๆ
สิ่งที่ยากมากกว่าการคิดว่าจะหาเงินมาเลี้ยงลูกตามลำพังได้ยังไง คงเป็นการกอบกู้ตัวเองให้ลุกขึ้นจากที่นอนในแต่ละวันให้ได้ก่อน…
คนที่เคยผจญความเศร้าจากการสูญเสียบางอย่างทุกคน คงพอจินตนาการได้ว่า …การนอนให้หลับ และตื่นมาในอีกเช้าวันหนึ่ง ทำได้ยากขนาดไหน
ฉันไม่รู้ว่าเธอผ่านมันมาได้อย่างไรด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ลูกชายเธออายุ 7 ปีแล้ว
และเธอไม่เคยแต่งงานใหม่
2)
ว่ากันว่า ความเหงา กลายเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนสมัยใหม่
เรามีเฟซบุ๊ค เรามีทวิตเตอร์ เรามีอินสตาแกรม (เรามีเว่ยโบตามเด็กจีน … เหรอ?) เรามีคอนเสิร์ต SM Town in Tokyo ให้ตั้งตารอคลิป แต่บางครั้งเราก็ยังเหงา
และรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ทั้งที่จริงๆ เราอาจไม่ได้ขาด
แต่กับผู้คนที่สูญเสียอะไรไปจริงๆ ขาดสิ่งสำคัญในชีวิตไปจริงๆ พวกเขาอาจเดินสวนเราในเซเว่นอิเลฟเว่นด้วยใบหน้าที่เป็นปกติที่สุด จนเราไม่อาจรู้ได้เลยก็เป็นได้
ว่าเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว … ลูกในวัยประถมหนึ่งของเขาอาจจมน้ำตาย และเขาเคยร้องไห้ปานโลกจะแตกสลาย
ว่าเมื่อสิบหกปีก่อน … เธอเคยคิดค่าตัวตายหลังสูญเสียงาน บ้าน รถ จากวิกฤตเศรษฐกิจ
ว่าเมื่อสิบสี่ปีก่อน … เขาเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเพราะความเลินเล่อของคนเมา จนทำให้เขาเสียนิ้วมือที่ควรต้องใช้มือผ่าตัดและกลายเป็นหมอไม่ได้
ว่าเมื่อหกปีก่อน … เธอต้องเลี้ยงลูกอายุ 1 ขวบให้เติบโตมาได้ตามลำพังท่ามกลางความผันผวนแปรปรวนของการเมืองไทยและสังคมโลก
บางครั้ง กับการเป็นชนชั้นกลางในสังคมสมัยใหม่ แค่การได้คะแนนวิชาสถิติน้อยกว่าคนอื่นในชั้น อาจทำให้เรารู้สึกเซ็งเป็ด และทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาก็ดูแสนเส็งเคร็งได้ง่ายๆ
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าโลกโหดร้ายจัง เพราะวันนั้นฝนดันตกหนัก เราลืมเอาร่มมา เราเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์แทบไม่รู้เรื่อง และคนอื่นลืมส่งเทิยบเชิญในเฟซบุ๊กมาชวนเราไปปาร์ตี้ที่ทุกคนล้วนไป
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่า โลกคงไม่มีพระเจ้า เพราะไม่งั้นเราคงไม่เจอเรื่องบ้าบองี่เง่าแบบเมื่อวันก่อน
แต่นั่นแหละ เราทุกคนล้วนต้องเคยเจอกับอะไรที่ผิดโผ พลิกแผน หนักบ้างเบาบ้างนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
Everybody feels a little crazy
But we go on living with it.
3)
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่สาวของเพื่อนผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ยังไง
ฉันเคยนั่งรถทางไกลไปกับเพื่อน … เวลาติดแหงกอยู่ในรถนานๆ มันง่ายมากที่เราจะหลุดปากถามอะไรที่ค้างคาใจอยู่ออกมา
แต่ฉันก็ไม่เคยยกเรื่องนี้มาถามเพื่อนสักที
แปลกดีที่ฉันเคยมีอาชีพต้องสัมภาษณ์ถามซอกแซ่กนั่นนี่กับผู้คนที่ไม่สนิทเพื่อเอามาเขียน…และหาเงินเลี้ยงชีพ
แต่พอกับคนที่สนิทมากๆ บางครั้งเราก็เลือกที่จะเงียบ
จะบอกให้ว่าในความเงียบฉันไม่ได้ยินอะไรหรอก (แหม…ใครมันจะไปได้ยินอะไรในความเงียบกันล่ะ ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมขั้นสูงนะโว้ย)
แต่ฉันคิดว่า เรื่องหลายๆ อย่างในโลก เวลาและผู้คนรอบตัวคงช่วยเยียวยามันได้
เราก็แค่ต้องพยายามลุกขึ้นมากินข้าวเช้าให้ได้ ต่อด้วยข้าวเที่ยง ตามด้วยข้าวเย็น และพยายามนอนให้หลับ (ออกกำลังกับอ่าน Women’s Health ด้วยก็คงดี ><)
เพราะ Everybody feels a little crazy
But we go on living with it.